
หลายคนอาจจะคิดว่า ชงชาไม่เห็นจะยากอะไร แค่เอาใบชาใส่แล้วเอาน้ำร้อนเติมลงไป ซักพักก็ใช้ได้แล้ว แต่จริงๆไม่ใช่อย่างนั้นเสมอไป โดยเฉพาะการชงชาจากใบชา ไม่ใช่ชาที่อยู่ในถุงชงสำเร็จรูป จริงๆแล้วจะมีขั้นตอนการชงชาที่ทำให้ได้รสชาติที่ดีเยี่ยมที่สุด เราจึงมีเคล็ดลับการชงชามาฝากคุณผู้อ่านเป็นการแถมท้ายด้วยค่ะ
ปริมาณชาที่จะใช้ จะขึ้นกับรูปร่าง ลักษณะและคุณภาพของใบชา โดยมากจะใส่ประมาณ 25-30% ของความจุกาน้ำชา แต่ถ้าใครไม่ชอบรสชาเข้มข้นอาจจะลดปริมาณชาให้น้อยลงได้ค่ะ
อุณหภูมิน้ำ น้ำจะชงชาเป็นน้ำร้อนแต่ไม่ใช่น้ำเดือดอุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียสเสมอไป ชาแต่ละชนิดจะใช้น้ำที่อุณหภูมิที่ชงไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับรูปร่างและชนิดของชา เช่น ชาที่มีใบกลมแน่น จะใช้น้ำที่อุณหภูมิ 90 องศาเซลเซียสขึ้นไป ชาที่มีใบเรียวเล็กหรือชาที่ยอดใบอ่อนเยอะอย่างชาขาว จะใช้น้ำที่อุณหภูมิ 80-90 องศาเซลเซียส ส่วนชาเขียวมักจะชงที่น้ำอุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียสลงไปเล็กน้อย
กาน้ำชาที่จะทำให้ได้รสชาติของชาดีที่สุดคือ กาดินเผา หรือกาเซรามิค
วิธีการชงชานั้น จะแนะนำให้เอาน้ำร้อนเทใส่กาชาไว้ และเทออก เพื่ออุ่นกาชาก่อน หลังจากนั้นจึงตักใบชาใส่ลงไปตามที่ต้องการ (โดยมาก 25-30% ของความจุกาชา) แล้วจึงเทน้ำร้อนลงไปประมาณครึ่งกา แล้วเทน้ำออกใน 5 วินาที (ขั้นนี้เป็นการอุ่นใบชา ไม่ต้องเสียดายน้ำนี้นะคะ) หลังจากนั้นจึงเทน้ำร้อนลงไปจนเต็มกา และปิดฝากาไว้ เทน้ำร้อนไว้ที่ฝากาเล็กน้อยด้วย (เพื่อเป็นการกักความหอมของชาไว้ในการไม่ให้ระเหยออกมาหมด) รอประมาณ 40-60 วินาที จึงรินชามาดื่มค่ะ
ชา 1 กานั้น สามารถเติมน้ำเพื่อชงซ้ำได้ประมาณ 4-6 ครั้ง หรือจนกว่าความหอมของชาจะหมดไป และแต่ละครั้งควรเพิ่มระยะเวลาในการรอน้ำชาหลังจากเติมน้ำครั้งละ 10-15 วินาทีด้วยค่ะ
การชงชาแต่ละครั้ง ควรรินน้ำชาให้หมดกาเสียก่อนจึงค่อยเติมน้ำร้อนลงในกาใหม่ ถ้าไม่รินน้ำชาเก่าออกให้หมด ชาจะเสียรสชาติ อาจมีรสขมหรือฝาดเพิ่มขึ้น และยังอาจทำให้ท้องผูกได้ด้วย
ใบชาที่ชงเสร็จแล้ว อย่ารีบนำไปทิ้งนะคะ เราสามารถเอาใบชาที่ชงแล้วไปตากแห้งและนำมายัดหมอนที่นอนแทนนุ่น จะช่วยให้หลับสบายขึ้น หรือนำใบชาเหล่านี้ไปประกอบอาหารเมนูใหม่ๆเพื่อทานได้ด้วยค่ะ